5 เทรนด์ที่จะเปลี่ยนการทำ Social Media ไปในอนาคต

Social Media นั้นนับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างมากในการทำการตลาดในยุคนี้ เป็นเครื่องมือสื่อสารหลักที่นักการตลาดใช้สื่อสารและดูแลลูกค้า สร้างเป็นชุมชนของแบรนด์ขึ้น ฟูมฟักคนในชุมชนให้กลายเป็นตัวแทนของแบรนดืในการแชร์หรือบอกต่อเนื้อหาที่แบรนด์สร้างขึ้นมาต่อไป แต่ในยุคหน้าที่จะมีเรื่อง Data และ AI ที่เข้ามาเกี่ยวข้องนี้ทำให้การทำ Social Media นั้นอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ในยุคที่ Personalisation กำลังมาแรง นักการตลาดนั้นอยากทำการตลาดที่จะสามารถเจาะรายบุคคลได้เพราะในอดีตนั้นนักการตลาดไม่สามารถทำได้ เพราะใช้ทรัพยากรและงบประมาณที่สูงมากในการทำ จึงนิยมทำ Mass Communication ขึ้นมาและคิดการสร้าง Sales Funnel ที่เกณฑ์คนเข้ามาใน Funnel เยอะ ๆ จนกรองเหลือไม่กี่คนที่จะกลายมาซื้อสินค้าและบริการต่อไป แต่ในยุคนี้ด้วยเทคโนโลยีนี้สามารถสร้างการเก็บข้อมูลและใช้ข้อมูลเหล่านี้ Potential Customer ได้เลย ทำให้แทนที่จะลงงบประมาณมากมายเพื่อเกณฑ์คนให้มาสนใจการสื่อสารทางการตลาด ก็สามารถจับคนที่กำลังมีความต้องการได้ทันทีได้อย่างแม่นยำด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า AI ที่ช่วยนักการตลาดในการทำการตลาดได้แม่นยำขึ้นเหมือนจับวาง

AI_Stats1

ด้วยเทคโนโลยีไม่ว่าจะ Big Data หรือ AI ที่เข้ามานี้ทำให้การตลาดโดยเฉพาะการทำ Social Media ที่ทำอยู่เป็นหลักในอนาคตจะเปลี่ยนไป และนี้คือ 5 เรื่องที่ต้องจับตาในการเปลี่ยนแปลงในการทำ Social Media ในอนาคตอันใกล้นี้

1. หุ่นยนต์เขียน Copy

ในปี 2017 นี้จะมีคนใช้อินเทอร์เนตกว่า 3.77 พันล้านรายแล้ว ซึ่งนี้หมายความว่ามีความต้องการที่แตกต่างไปไม่มากก็น้อยกว่า 3.77 พันล้านแบบ เพื่อที่จะทำการตลาดส่งข้อความในหมู่ผู้ใช้ที่มีความต้องการแตกต่างกันนี้ ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาวิธีการที่นักการตลาดจะหาว่าอะไรใช้ดีสุดในหมู่ผู้ใช้ที่หลากหลายนั้นคือการทำ A/B Testing เพื่อหาว่าข้อความไหนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในระดับหยาบก็ใช้ข้อความนั้นในระดับ Mass Communication ถ้าละเอียดขึ้นก็ทำ Segmentation Message จนถึงระดับละเอียดสูงสุดก็ทำในระดับบุคคลขึ้นมา แต่การที่จะทำเพื่อตอบสนองผู้ใช้ในระดับบุคคลนี้ยังเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบันเพราะด้วยคนนั้นไม่สามารถสร้างข้อความได้ทันความต้องการที่แตกต่างกันในระดับบุคคลได้ การที่จะลงมือทำได้ขนาดนี้ต้องมีเทคโนโลยีมาช่วย ซึ่งนี้เอง AI หรือหุ่นยนต์จะมาทำงานแทน ในต่างประเทศมี AI ชื่อว่า Persado ซึ่งทำงานโดยใช้ NLP ในการเรียนรู้วิธีการสื่อสารของแบรนด์ออกไป และสร้างข้อความที่สามารถสื่อสารเจาะจงในแต่ละคนได้เลยในระยะเวลาอย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีนี้ในอนาคตที่หุ่นยนต์จะมีความสามารถมากขึ้น Copy ที่เขียนออนไลน์อาจจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

Screen Shot 2560-10-12 at 10.05.34

2. ระบบจดจำภาพและระบบ Tag ภาพ

นอกจากข้อความจะต้องเจาะจงในระดับบุคลแล้ว การเรียนรู้ว่าบุคคลแต่ละแบบนั้นชอบรูปภาพอะไรนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ หรือสามารถจับคู่ภาพที่ตรงใจกลับกลุ่มเป้าหมายได้ สิ่งหนึ่งที่พัฒนามาจากความสามารถ AI คือการที่สร้างระบบเรียนรู้รูปภาพว่ามีสิ่งของอะไรในรูปภาพบ้างและสามารถ Tag สิ่งของนั้นใด้อัตโนมัติ หรือเชื่อมไปสิ่งของที่คล้ายกันได้ทันที บริษัท Clarifai สร้าง AI ตัวหนึ่งขึ้นมาที่สามารถเรียนรู้รูปภาพและสามารถนำเสนอรูปภาพที่มีความเกี่ยวข้องหรือตรงกับความต้องการของคนที่ชอบรูปภาพแบบนี้ได้อยู่เลย ลองนึกภาพที่ระบบสามารถหารูปภาพที่ตรงใจทั้ง Demographic Emotions Psychologic ของกลุ่มเป้าหมายได้จะเป็นอย่างไร

Facial-recognition-Facebook

3. Social Media Chatbot

ในเมืองไทยนั้นยังไม่เห็นกระแสนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่ในต่างประเทศนั้นกำลังเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะด้วยการที่สามารถพูดคุยกับ Bot และสามารถแก้ปัญหาหรือ bot นั้นสามารถกลายเป็นผู้ช่วยตัวเองนั้นได้อย่างดี ทำให้มีการปฏิสัมพันธ์ หรือซื้อของผ่าน Bot นั้นอย่างมาก ทำให้มีความสะดวกเพิ่มขึ้นในการตอบสนองความต้องการต่าง ๆ ขึ้นมาได้เลย ทั้งนี้แบรนด์ที่ไม่มี Bot จะไม่สามารถตอบสนองความต้องที่รวดเร็วและความต้องการที่แตกต่างกันในระดับบุคลที่มีจำนวนมากได้ เพราะฉะนั้นงาน Social Media Manager ที่คอยตอบ inbox หรือ Comment นั้นจะหายไปให้ระบบหุ่นยนต์ที่เข้ามาตอบแทน

Facebook_M_Screenshots

4. AI Filtering

ยุคแห่งการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้หรือผู้บริโภคแต่ละคน ทำให้ Google และ Facebook พยายามทำ Content หรือตอบสนองความต้องการแต่ละคนได้ นี้จึงทำให้เกิด AI Filtering ที่ AI จะคอยคัดเลือกเนื้อหาต่าง ๆ ที่จะส่งให้ตรงใจผู้บริโภคต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียของนักการตลาดที่ทำ Social Media คือจะมีข้อมูลตรงจาก Google และ Facebook ให้ (รึเปล่า) เพื่อที่จะสามารถลงโฆษณาหรือทำการตลาดผ่านช่องทาง  Google และ Facebook ได้ดียิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกันถ้าไม่มีข้อมูลเหล่านี้ หรือมีแต่ใช้ไม่เป็น แปลว่านักการตลาดจะไม่มีทางส่งข้อความไปหากลุ่มเป้าหมายได้เลย ถ้าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ AI เหล่านี้จะเลือกข้อความเหล่านั้นให้ไปปรากฏในสายตาผู้บริโภคเลย

spark-2017-content-ai-creating-personalized-experiences-for-your-audience-by-patricia-travaline-24-638

5. Voice of Social

ในเมื่อการสื่อสารด้วยตัวหนังสือนั้นไม่สามารถส่งอารมณ์ได้ การสื่อสารด้วยเสียงจะเป็นตัวส่งอารมณ์ต่าง ๆ ได้มากมาย ในอนาคต social media ที่ใช้เสียงหรือส่งเสียงเข้ามานั้นจะมีความสำคัญขึ้นมา ซึ่งในตอนนี้เราเห็นอุปกรณ์ Voice Assitance อย่างมากมาย และ Social Media ที่เริ่มส่งภาพและเสียงเข้าไปอย่าง Snapchat หรือ Features ของ Instagram อย่าง IG Stories นักการตลาดที่ทำ social media ในอนาคตต้องหัดสร้างเสียงของแบรนด์ตัวเอง หรือสามารถสร้างให้ Voice Assistance เหล่านี้แนะนำแบรนด์ของคุณต่อไปได้ในอนาคตด้วย

CB-Insights-Chatbots

ที่มา:marketingoops

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save