จริงหรือ ! การนอนกรน เป็นเรื่องขำ…ไม่ออก ??
บางคนมีคนรอบข้างที่นอนกรนก็เห็นเป็นเรื่องปกติ มีการขำ การล้อเลียนกัน แต่รู้หรือไม่ คนที่เป็นโรคนี้ จะมีช่องคอแคบ ทางเดินหายใจส่วนนี้จะตีบแคบหรืออุดตันได้ เมื่อทางเดินหายใจแคบลงจนถึงจุดหนึ่ง ความแรงของลมหายใจที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อภายในระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีเสียงกรนตามมาซึ่งหากไม่มีวิธีแก้นอนกรน อาจก่อให้เกิดอันตรายจากน้อยน้อย แค่รำคาญจนถึง โรคแทรกซ้อนมากมาย โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงได้
ผลเสียจาก อาการนอนกรนที่มีการหยุดหายใจขณะหลับ
- ร่างกายอ่อนเพลีย รู้สึกนอนไม่พอ หรืออาจเกิดอุบัติเหตุในการขับรถหรือการควบคุมเครื่องจักรกล
- ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความสามารถในการจดจำลดลง หงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ
- มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆ มากขึ้น เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดในสมอง เช่น อัมพาต โรคหัวใจขาดเลือด ได้มากกว่าคนปกติ เป็นเหตุให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร
- หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ดังนั้น หากทราบว่าตัวเองเป็นโรคนอนกรน ต้องหาวิธีแก้นอนกรนที่ถูกต้องตามอาการ อาจจะเริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองก่อน จากนั้นเริ่มปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ
4 วิธีแก้นอนกรน ในเบื้องต้น
- หมอนแก้นอนกรน : ใช้หมอนหนุนให้ศีรษะสูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย (อย่าให้สูงเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดการปวดต้นคอ) รวมทั้งไม่ควรจะใช้หมอนที่มีความนุ่มเกินไป
- เปลี่ยนท่านอน : หากปกติเป็นคนที่นอนหงาย ก็ให้ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีนอนตะแคงดู เนื่องจากจะเป็นการช่วยลดความดันที่เกิดขึ้นในช่องทางเดินอากาศภายในลำคอได้
- ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายในช่วงเย็น หรืออย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนที่จะเข้านอน เนื่องจากถ้ามีอาหารตกค้างอยู่ภายในกระเพาะมากจนเกินไป (เช่น เนื้อสัตว์ อาหารที่มีไขมันสูงๆ) ก็จะทำให้กะบังลมเกิดการถูกกดทับ จนมีผลให้การไหลเวียนของอากาศในร่างกายติดขัด และควรงดการดื่มเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ เพราการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้จะมีผลทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการผ่อนคลายลงไปมากกว่าเดิม โดยเฉพาะอวัยวะภายในลำคอทำให้เกิดการตีบตันได้ง่ายมากขึ้น
- ลด ความอ้วน ออกกำลังกาย : เพราะไขมันที่พอกอยู่ในบริเวณลำคอจะมีผลทำให้การหายใจทำได้ไม่สะดวก และมีโอกาสทำให้เกิดเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย
แต่ถ้าหากว่ารักษาด้วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้นก็จำเป็นที่จะต้องไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา
ข้อมูลจาก : www.sleep-care-thailand.com