5 ประการ!! ที่ทำให้ Content ของคุณดูไม่น่าสนใจ

การทำ Content ในตอนนี้นับว่ากลายเป็นกระแสหลักอย่างมากในทุกแบรนด์ และกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนตื่นตัว เราจะเห็นการทำ Content  เป็น Buzzword อย่างมากตามเวทีสัมมนาต่าง ๆ หรือในบทความมากมาย หลาย ๆ คนก็เพียรบอกแต่ว่าการที่จะทำ Content ได้คือการทำ Facebook, blog, infographic เขียนข่าว PR หรืออื่น ๆ มากมายให้ออกมา แต่ปรากฏว่าหลายคนทำออกมากลับไม่มีใครสนใจเนื้อหาที่ทำออกมานั้นเลย

promote-content-take-care-of-your-content

แน่นอนการเริ่มทำ Content ที่บอกมาก็เป็นสิ่งที่ถูก แต่การที่จะทำให้ได้ผลนั้นมันเป็นอีกเรื่องเพราะการสร้าง Content ให้ดีนั้นมันคือศาสตร์และศิลป์อย่างมาก เพราะเขียนขึ้นมาไม่ดีก็ไม่มีใครสนใจ ไม่ติดการค้นหาและทำให้เสียเวลา เสียทั้งต้นทุนในการเขียนไป ซึ่งเพื่อที่จะทำให้การเขียน Content นั้นดีก็ต้องเข้าใจผู้บริโภคว่าต้องการอะไร และเราจะเข้าถึงสิ่งที่ผู้บริโ๓คอยากฟังได้อย่างไร แถมจะทำให้ผู้บริโภคคิดและลงมือต่อได้อย่างไรอีกด้วย จากการศึกษาของ Moz และ Buzzsumo พบว่าบทความกว่า 100,000 ชิ้นที่อยู่ในออนไลน์นั้นมีคนมาปฏิสัมพันธ์ต่ำมาก ประมาณ 50% ของบทความมี 1-2 ปฏิสัมพันธ์จาก Facebook และมากกว่า 75% ไม่สามารถแชร์บทความไปไหนได้ ทำให้การปฏิสัมพันธ์ที่จะเพิ่มขึ้นหายไปทันที หรือไม่สามารถกระจายไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อีกด้วย นี้คือตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในการทำ Content  แต่วันนี้เราจะมาดู 5 ข้อหลัก ๆ ที่ทำให้คนไม่สนใจ Content คุณ

1. ทำ Content ผิดประเภท ในความหมายนี้คือ การสร้าง Content ที่ดีคือการสร้าง Content ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าคุณจะให้เทคนิคอย่าง HTML5 หรือการทำ Quiz แต่เนื้อใน Content ต้องเกี่ยวกับตัวคุณ หรือเทคนิคนั้นต้องเหมาะสมกับการสื่อสารของคุณด้วย เช่นถ้าคุณจะขายตู้เย็น คงไม่เหมาะมาทำ Content ประเภทชอบดูหนังอะไร หรือทำเป็นเกมให้คนมาเล่น สิ่งหนึ่งที่คนทำ Content ควรรู้คือการใช้ Google Analytics ให้คล่อง แล้วเข้าไปดูว่าคนเข้ามายังเว็บไซต์คุณด้วยคำว่าอะไร และเขากำลังค้นหาอะไรในเว็บของคุณอยู่ อะไรที่เขาไม่ได้ค้นหาก็หยุดทำเพราะนั้นหมายถึงว่าไม่ได้มีใครสนใจ แต่อะไรที่เขากำลังค้นหา ควรจะทำต่อเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการการค้นหานั้นได้ หรือวิธีหนึ่งคือการเข้าไปดูคู่แข่งว่าทำ Content แบบไหนบ้าง แล้วแบบไหนดี แบบไหนไม่ดี แล้วเราจะปรับมาใช้ได้อย่างไรต่อไป

2. ไม่ได้ให้อะไรใหม่ขึ้นมา ซึ่งนี้หมายถึงว่าใน Content มากมายที่ถูกผลิตขึ้นในโลกออนไลน์นั้น และ Content เหล่านี้ก็แย่งความสนใจของผู้บริโภค แถมผู้บริโภคนั้นมีเวลาอย่างจำกัดในการที่จะมาสนใจอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสนใจของตัวเอง หรือมีเวลาจำกัดในการแสกน Content ต่าง ๆ ถ้า Content คุณไม่เด่น แปลว่าผู้บริโภคจะไม่ได้สนใจอะไรคุณเลย นี้หมายถึงว่าเนื้อหาคุณต้องมีอะไรแปลกใหม่จากที่ผู้บริโภคเคยอยู่ทุกวัน สิ่งที่คุณทำได้คือการ สร้าง Content ใหม่ขึ้นมาแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งนี้แน่นอนจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับ Content  คุณอย่างมากจนทุกคนต้องมาให้ความสนใจ หรือ อีกแบบคือทำสิ่งที่ทุกคนทำ หรือทำสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี ให้ดียิ่งขึ้นไปจนแตกต่างจากคนอื่น ทำให้เนื้อหาเราจะเริ่มฉีกจากคนอื่นออกมาเรื่อย ๆ

Screen Shot 2560-11-13 at 17.59.13

3. ปล่อยของผิดเวลา การทำ Content ให้ดีก็ต้องรู้จังหวะปล่อยของ ว่าเราควรจะปล่อยของออกไปเมื่อไหร่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด การโพส Content ผิดเวลาก็หมายถึงการตกขบวนรถที่คนอื่นได้ขึ้นขบวนไปหมดแล้ว ทำให้ Content ของเราหมดความสนใจหรือถึงแม้มีความสนใจ ก็ไม่ได้ตัวเลขหรือเป้าหมายได้เทียบเท่ากับการโฑสถูกที่ ถูกเวลา สิ่งที่ควรทำคือการวางแผนในการทำ Content ดี ๆ ว่าอะไรควรจะออกเมื่อไหร่ และเตรียมงานตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้มีเวลาในการทำ Content นั้นดี ๆ ออกมา เพื่อให้สามารถสะดุดตาของผู้บริโภคได้ออกมา

4. ไม่เคยบอกว่ามี Content นี้ในสารบบ หลาย ๆ ครั้งที่ผมเจอก็คือพบว่าบางแบรนด์ทำ Content ดีมาก แต่ปรากฏว่าไม่ได้มีใครสนใจ Content นี้เลย เพราะไม่เคยเอาไปเผยแพร่ที่ไหน และรอให้คนนั้นมาค้นพบเอาเองในเว็บไซต์ของตัวเอง (โดยคิดว่าของดีคนต้องมาสนใจเองไม่ต้องโปรโมท) ปรากฏว่านี้คือความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะในโลกของ Content ที่มากมายในออนไลน์เป็นการยากที่ใครจะมาเจอของดีที่ซุกซ่อนเอาไว้ ลองนึกถึงคุณวาดภาพสวยมากแต่เก็บไว้ในบ้านใครจะมาเจอ สิ่งที่ควรทำคือการเอาไปวางไว้หน้าบ้าน หรือถ้าจะให้ดีก็โฆษณาแห่ภาพเลยเช่นกัน นี้ก็เหมือนกัน Content ที่ดีก็ต้องมีการสนับสนุนบ้างไม่ว่าทางใดทางหนึ่งเพื่อให้เกิดการเห็น Content นั้นและกระจายออกไป

barry-feldman-2-1

5. ไม่น่าเชื่อถือ เคยไหมที่อยู่ดี ๆ เจอ Content ที่ไม่มีที่มาที่ไป หรือยกตัวเลขลอย ๆ มาจากไหนก็ไม่รู้ Content เหล่านี้ไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือเลยว่าทำมาจากอะไร หรือมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำให้คนนั้นไม่สนใจและคิดว่าเนื้อหาที่อ่านเป็นเนื้อหาปลอมไปอีก หรืออีกแบบคือ Content ที่ขัดกับความรู้สึกผู้บริโภค ตัวอย่างเช่นค่ายมือถือที่บอกว่าตัวเองสัญญาณดี ชัด แรง เร็ว แต่ปรากฏว่าความจริงแล้วทุกคนที่ใช้ค่ายมือถือนี้ต่อพร่ำบ่นกันอย่างมากมาย แทนที่จะสร้างเครดิตให้ตัวเอง ทำ Content ออกมากลับทำลายเครดิตตัวเองไปเสียอีก ทั้งนี้คนทำ Content ต้องระวังอย่างมากในการทำ Content ที่ดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีที่มาที่ไป และขัดกับความรู้สึกผู้บริโภค

 

ที่มา:marketingoops

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save