“IoT” ให้เราปั่นจักรยานร่วมกับคนอื่นได้ทั่วโลก ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
จากงาน Digital thailand Bigbang
เราจะพาทุกๆคนไปสัมผัสถึง เทคโนโลยีในโลกปัจจุบันกันนะครับ โดยเริ่มต้นจากความเป็นมา ของคำว่า IoT หรือ เรียกชื่อเต็มคือ Internet of Things
แนวคิด Internet of Things
แนวนิด Internet of Things นั้นถูกคิดขึ้นโดย Kevin Ashton ในปี 1999 ซึ่งเขาเริ่มต้นโครงการ Auto-ID Center ที่มหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT จากเทคโนโลยี RFID ที่จะทำให้เป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับ RFID Sensors ต่างๆที่จะเชื่อมต่อกันได้ ต่อมาในยุคหลังปี 2000 โลกมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาเป็นจำนวนมากและมีการใช้คำว่า Smart ซึ่งในที่นี้คือ smart device, smart grid, smart home, smart network, smart intelligent transportation ต่างๆเหล่านี้ล้วนมีโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งการเชื่อมต่อเหล่านั้นเองก็เลยมาเป็นแนวคิดที่ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นก็ย่อมสามารถสื่อสารกันได้ด้วยเช่นกันโดยอาศัยตัว Sensor ในการสื่อสารถึงกัน นั่นแปลว่านอกจาก Smart devices ต่างๆจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้แล้วมันยังสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ตัวอื่นได้ด้วยโดย Kevin นิยามมันไว้ตอนนั้นว่าเป็น “internet-like” หรือพูดง่ายๆก็คืออุปกณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถสื่อสารพูดคุยกันเองได้ ซึ่งศัพท์คำว่า “Things” ก็แทนอุปกณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้นั่นเอง
เอาละเรามาเริ่มกันกับ ภาพตัวอย่างในงาน ที่เราเห็นกันอยู่ในภาพ จะสังเกตุเห็น จักรยานที่ถูกตั้งระบบมาโดยสมบูรณ์ ซึ่งเจ้าตัวจักรยานนี่เเหละเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต
ซึ่งกระบวนการทำงานของระบบเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่าง 3 องค์ประกอบหลักๆนั่นก็คือ
1.SENSEOR
2.CONNECTIVITY
3.PEOPLE&PROCESS
เริ่มต้นจาก
1.SENSOR
เป็นตัวรับข้อมูลต่างๆเปรียบเหมือนกับระบบต่างๆของโลกดิจิทัล คือ สามารถระบุตำเเหน่งได้จาก GRS SENSOR สามารถรับภาพเเละเสียงได้ผ่านกล้องไมโครโฟนซึ่งจะสังเกตได้จากภาพเเรกที่เห็น รูปภาพจักรยาน เเละเสียงได้อย่างชัดเจน
2.CONNECTIVITY
ซึ่งข้อมูลต่างๆข้างต้น จะถูกเเปลงเป็นข้อมูลในระบบดิจิทัลเเละถูกส่งผ่านระบบเครื่อข่ายต่างๆ อาทิ เช่นBluetooth,WIFIหรือ ระบบ Lan เป็นต้น
3.PEOPLE&PROCESS
เมื่อข้อมูลต่างๆที่อยุ่บนเครือข่ายเหล่านี้ถูกผสมผสานเข้าด้วยกันทำให้เกิดการสือสารกันระหว่างข้อมูล คน การประมวลผลเเละระบบต่างๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายๆอย่าง หลายๆความรู้ที่เรายังไม่เคยได้พบ ได้รู้จัก ได้สัมผัสกับมัน เพราะฉะนั้น ในงาน Digital Thailand BigBang จึงจัดทำขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้สามารถเข้าไปร่วมงาน ไปหาความรู้ ไปเปิดหูเปิดตารับสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ซึ่งไม่เสียค่าเข้างานเพียงเเค่ ลงทะเบียนก่อนเข้างาน ก็เป็นอันที่เรียบร้อย