เจาะไลฟ์สไตล์การใช้บัตรเดบิต ใช้ที่ไหนก็ดี จ่ายที่ไหนก็คุ้ม แถมมีลุ้นล้าน
กระแสของการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless) เริ่มมองเห็นภาพชัดมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามจะสร้างให้เกิดขึ้น แต่ในสมัยก่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทียังมีการพัฒนาไม่ค่อยเต็มที่นักจึงทำได้แค่เป็นหนึ่งทางเลือกในการใช้จ่าย แต่ปัจจุบันการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์กำลังจะกลายเป็นทางเลือกหลักการใช้จ่ายของหลายๆ คน
นี่ไม่ได้โม้!!! หรือคาดการณ์เกินไปจากความจริง เห็นได้จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ชี้ให้เห็นว่า การชำระเงินผ่าน e-Payment หรือการจ่ายผ่านระบบออนไลน์ของไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 มีอัตราเพิ่มขึ้น โดยในเดือนกรกฎาคม 2559 มีการชำระผ่าน e-Payment อยู่ที่ประมาณ 267 ล้านรายการ แต่ในเดือนธันวาคม 2559 มีการชำระผ่าน e-Payment อยู่ที่ประมาณ 312 ล้านรายการ โดยเป็นการชำระผ่านบัตรเดบิตสูงถึง 7.6 ล้านรายการ
จึงไม่แปลกที่ธนาคารหลายแห่งเริ่มให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต โดยเฉพาะ “ธนาคารกสิกรไทย” ซึ่งจริงๆ แล้วถือเป็นธนาคารที่รุกเรื่องการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตมานานแล้ว ทำให้ธนาคารกสิกรไทยครองความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตที่มีส่วนแบ่งตลาด 40% ณ สิงหาคม 2560ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตกสิกรไทยอยู่ที่ 44,900 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 30% ซึ่งถือเป็นทิศทางที่ดีขึ้นมาก และในส่วนของยอดผู้ถือบัตรเดบิตกสิกรไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 11.7 ล้านใบ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 15.3%
จุดหลักที่ทำให้จำนวนบัตร และการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตของธนาคารกสิกรไทยเติบโตในอัตราสูงนั้นเป็นเพราะการศึกษาความต้องการลูกค้า จนนำมาสู่แนวคิด Lifestyle Debit Card ที่ตอบไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล (Digital Lifestyle) เพิ่มความสะดวกในยุคปัจจุบันที่สมาร์ทโฟนมีบทบาทกับชีวิตประจำวัน ทำให้การสมัครบัตร และการนำบัตรไปใช้งาน ถูกปรับให้มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
อย่างในปีนี้เองธนาคารกสิกรไทยถือเป็นธนาคารแรกที่เปิดให้สมัครบัตรเดบิตได้ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS ด้วยแนวคิดว่า “กดปั๊บ รอรับบัตรที่บ้าน” ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปถึงสาขา ตรงกับความต้องการของคนยุคนี้ที่ความสะดวกเป็นสิ่งต้นๆ ที่ต้องการ และชอบทำทุกอย่างด้วยตัวเอง มีทางเลือกเป็นของตัวเอง ซึ่งการสมัครบัตรเดบิตแบบนี้ลูกค้าสามารถเลือกลายหน้าบัตรที่ต้องการได้เอง และดูเหมือนว่าธนาคารกสิกรไทยมาถูกทางเพราะกระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ แค่เปิดบริการนี้ไม่กี่เดือน มียอดสมัครผ่าน K PLUS แล้วถึงกว่า 40,000 ใบ
ในแง่การให้สิทธิประโยชน์ ก็เป็นไปในทิศทางที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายแบบ Digital Lifestyle ที่หันมาใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งเรื่องการเดินทาง การท่องเที่ยว และช้อปปิ้ง เช่น ส่วนลดพิเศษในการใช้บริการ GRAB ซึ่งเป็นบริการที่ตอบโจทย์การเดินทาง และการส่งของยอดนิยมในยุคดิจิทัล ส่วนลดร้าน ชอปปิ้งออนไลน์สุดฮิตอย่าง Lazada และส่วนลดพิเศษบริการออนไลน์สำหรับจองตั๋วเครื่องบิน และที่พักยอดนิยม Expedia และ agoda โดยที่สิทธิประโยชน์ยอดนิยมที่ลูกค้าชื่นชอบ อย่างซื้อชุดสุดคุ้มของ McDonald หรือจะใช้ซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ในเครือ SF ราคาเพียง 100 บาท ก็ยังคงฮอตฮิตติดชาร์ตอยู่ สำหรับลูกค้าที่ถือบัตรเดบิตกสิกรไทยที่มีโลโก้ K-My Debit Card หรือ REWARD PLUS DEBIT CARD ที่ด้านหลังบัตร
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คงเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นบัตรเดบิตกสิกรไทย นั่นคือ การจับคาแรคเตอร์มาไว้บนบัตรเดบิตที่ริเริ่มทำมา 6 ปี และยังกระแสแรงไม่ตก ทำให้จนปัจจุบันมีผู้ถือบัตรเดบิตเดบิตกสิกรไทยลายคาแรคเตอร์แล้วกว่าล้านใบ และบัตรเดบิตคาแรคเตอร์ลายล่าสุดที่ออกมาคือ บัตรเดบิตโปเกมอนกสิกรไทย ก็เป็นส่วนหนึ่งของการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิทัล จากกระแสฮิตโปเกมอน โก ที่ตั้งแต่เปิดตัวมียอดดาวน์โหลดเกมมากกว่า 12.8 ล้าน ยูเซอร์ หลังจากที่ในปีนี้เปิดตัวบัตรเดบิตลายคาแรคเตอร์ไปแล้ว 2 ลาย ได้แก่ บัตรเดบิตวันพีซกสิกรไทยและบัตรเดบิตชินจังกสิกรไทย
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งในความพยายามของเจ้าตลาดบัตรเดบิตที่พยายามคิดกระบวนท่าต่างๆ มากระตุ้นให้เกิดการใช้บัตรเดบิตแทนเงินสดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสร้างสังคมไร้เงินสด ยังไม่นับการให้ความสนับสนุนกับกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยในโครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิต ภายใต้โครงการ National e-Payment ซึ่งเป็นโครงการที่มีกระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล รางวัลละ 1 ล้านบาท ทั้ง จากการใช้บัตรเดบิต และร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC และตลอดโครงการที่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงพฤษภาคมปีหน้าจะมีการมอบโชคให้กับผู้โชคดีรวมกว่า 84 ล้านบาท เลยทีเดียว
คงต้องตามดูว่าเจ้าตลาดบัตรเดบิตกสิกรไทยจะมีลูกเล่นอะไรมาสร้างสีสันให้ตลาดบัตรเดบิตเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตกันอีก แต่ยังไงก็แล้วแต่ในส่วนของผู้ถือบัตรก็มีแต่คำว่าคุ้มกับคุ้ม
ที่มา:marketingoops
