นายกรัฐมนตรี ประกาศวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand Vision ที่ทําเนียบรัฐบาล มุ่งเป้าพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก
22 กุมภาพันธ์ 2567 – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand Vision ที่ทําเนียบรัฐบาล มุ่งเป้าพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยว การรักษาพยาบาลและสุขภาพ อาหาร การบินการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต เทคโนโลยี และการเงิน
รัฐบาลตั้งเป้าประเทศไทยจะก้าวไปเป็นที่ 1 ของภูมิภาค ด้วยข้อได้เปรียบของประเทศไทย ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว ภูมิอากาศที่อบอุ่นตลอดปี โครงสร้างที่พร้อมต่อยอด และที่สําคัญ คือ ศักยภาพของคนไทย ประกอบด้วย 8 วิสัยทัศน์ ได้แก่
วิสัยทัศน์ที่ 1 ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub)
วิสัยทัศน์ที่ 2 ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub)
วิสัยทัศน์ที่ 3 ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub)
วิสัยทัศน์ที่ 4 ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub)
วิสัยทัศน์ที่ 5 ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub)
วิสัยทัศน์ที่ 6 ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub)
วิสัยทัศน์ที่ 7 ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy Hub)
วิสัยทัศน์ที่ 8 ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub)
นายกฯ เศรษฐา ประกาศตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว(Tourism Hub) เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับคนไทยกว่า 1 ใน 3 ของจํานวนประชากร คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.3 ล้าน ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของงบประมาณรายจ่ายประจําปี เฟ้นหา Soft Power ชูจุดขายเป็นเสน่ห์ของประเทศไทย ให้โดดเด่นในสายตาประชาคมโลก ทั้งในด้านศิลปวัฒนธรรม งานเทศกาล คอนเสิร์ต งานภาพยนตร์ งานศิลปะ อาหาร วัฒนธรรม และที่น่าจับตามองคือ กีฬา และศิลปะป้องกันตัว โดยเฉพาะมวยไทยซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของคนไทย รวมถึงจะผลักดันบางจังหวัดให้เป็นมรดกโลกอย่าง จังหวัดน่าน ให้เป็นการเดินทางระดับภูมิภาค อํานวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ผ่านการเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ อย่าง จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน
ผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางในภูมิภาค และในกลุามประเทศ CLMV และหลังจากนี้ การท่องเที่ยวในประเทศไทยจะต้องได้รับการส่งเสริมต่อยอดทุกรูปแบบ ทุกจังหวัด ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง พร้อมทั้งแก้ไขกฎ ระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคการท่องเที่ยว เช่น เวลาเปิดปิดของสถานบริการ การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการแก้ไขภาษีสําหรับการจัดงานหรือแข่งขันต่าง ๆ รองรับการเป็น Homestay ของคนทั่วโลก เพื่อขยายระยะเวลาพำนักและกระตุ้นค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
นอกเหนือจากนำธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต สร้างเป็นจุดขาย แล้วรัฐบาลจะปลดล็อกกฎระเบียบต่าง ๆ เอื้อให้ผู้จัดงานระดับโลก ให้สามารถเข้ามาจัดแสดงในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต ภาพยนตร์ และงานศิลปะ เป็นต้น ทั้งหมดนี้จะทําให้ทุกภาคส่วนด้านการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรมชั้นนํา ที่พักของคนไทย ร้านอาหาร สินค้าพื้นบ้าน ของดีของเด่นประจําเมือง ตลอดจนสินค้าการเกษตรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกคน จะเป็นหนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จให้บรรลุเป้าหมายความเจริญทางเศรษฐกิจ จะต้องมาพร้อมกับความเท่าเทียมกัน (Equality) ทั้งเพศสภาพ การประกอบอาชีพ การรักษาพยาบาล รองรับทั้งผู้สูงวัย ผู้พิการ หญิงตั้งครรภ์ และเด็ก วัฒนธรรมที่เปิดกว้าง (Soft Power) พร้อมต่อยอด เปลี่ยนไปตามยุคสมัยได้ โดยไม่ละเลยอัตลักษณ์และตัวตน จนสามารถสร้างรายได้ให้ตนเองโอกาสทางการศึกษา (Education) ที่จะต้องได้รับการพัฒนา โดยรัฐบาลจะเป็นผู้กําหนดมาตรฐาน เปิดช่องทางการเรียนรู้ใหม่ ๆ สร้างกลไกที่เอื้อให้เอกชนมีส่วนร่วมด้านพลังงานสะอาด (Green Society)ไปจนถึงประเทศแห่งความปลอดภัย (Safe & Security) สังคมต้องปราศจากอาชญากรรม และยาเสพติดทุกรูปแบบ