เห็นแล้วต้องร้อง Oops! ส่อง 10 ทีเด็ดจากอีเวนท์ Apple เปิดตัว iPhone X ตามคาด
รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก! เพราะถึงเวลา Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่สักที หลังจากปล่อยให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยข่าวลือ ข่าวหลุด สาาาาาาาาาาาาารพัดเรื่อง ไม่เสียเวลาเกริ่นยาวให้คุณเปลืองพลังงานไปมากกว่านี้ เราขอสรุป 10 เรื่องราวที่เรียกว่าเป็นทีเด็ดขั้นสุด! จาก Event ใหญ่ครั้งนี้กันเลย…
1. ประมาณ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา หรือประมาณเที่ยงคืนของประเทศไทย เวทีภายในหอประชุม Steve Jobs Theater ณ Apple Park สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ก็เริ่มคึกคักขึ้นด้วยเสียงปรบมือ (ส่วนการถ่ายทอดสดผ่านเว็บ Apple เริ่มต้นขึ้นในเวลาราว 23.55 น. ด้วยการถ่ายทอดบรรยากาศก่อนเริ่มต้น Event) ตามด้วยการปรากฏตัวของ CEO Apple “ทิม คุก” ซึ่งออกมาโชว์สเต็ปควงไมค์เป็นคนแรก พร้อมกล่าวต้อนรับทุกคนเข้าสู่สถานที่จัดงานซึ่งสร้างขึ้นตามเจตนารมณ์ของ สตีฟ จ๊อบส์ อดีต CEO ผู้ล่วงลับ ก่อนจะเริ่มต้นการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนรอคอย โดยส่งไม้ต่อให้ผู้บริหาร Apple คนอื่นๆ ได้สลับกันขึ้นเวที
2. Apple Watch เป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ถูกกล่าวถึงบนเวที พร้อมการเปิดตัว Apple Watch Series 3 และ Apple Watch Series 3 with Cellular ซึ่งสามารถใช้ซิมการ์ด (แบบอิเล็กทรอนิกส์) เลขหมายเดียวกับที่ใช้ใน iPhone ใช้ไวไฟได้ และสามารถใช้งานร่วมกับ AirPods หูฟังไร้สายของ Apple ได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยถึง watchOS4 ซึ่งระบุว่าจะพร้อมให้ผู้ใช้งานเริ่มดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.นี้ ส่วนกำหนดวางจำหน่ายใน 8 ประเทศแรก (ไม่มีประเทศไทยติดกลุ่ม ตามเคย!) จะเริ่มเปิดจองวันที่ 15 ก.ย. เปิดขายจริงวันที่ 22 ก.ย. ด้วยราคาเริ่มต้น 329 เหรียญสหรัฐ (ราว 11,000 บาท) ในรุ่น Apple Watch Series 3 และราคา 399 เหรียญสหรัฐ (ราว 14,000 บาท) สำหรับ Apple Watch Series 3 with Cellular
3. ถัดมาเป็นการแนะนำ Apple TV ที่มาพร้อมโฉมใหม่ 4K และยังรองรับเทคโนโลยี HDR อีกด้วย ใช้ชิป A10X Fusion แบบเดียวกับ iPad Pro ทำราคาเริ่มต้นที่ 8,500 บาท สำหรับความจุ 32GB และ 9,200 บาท สำหรับความจุ 64GB ส่วน Apple TV (รุ่นที่ 4) ความจุ 32GB มีราคาเริ่มต้นที่ 6,900 บาท
4. iPhone มาซักที! CEO Apple กลับขึ้นเวทีมาเกริ่นถึงเทคโนโลยีที่สร้างความสำเร็จ สามารถมอบเทคโนโลยีและสร้างความประทับใจในการใช้งานแก่แฟนๆ ทั่วโลก ก่อนจะเริ่มต้นการเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งมีให้เลือก 3 สี คือ สีเงิน , สีเทาสเปซเกรย์ , สีทองแบบใหม่ กับความจุแบบโหดๆ ให้เลือกแค่ 2 ขนาด คือ 64GB กับ 256GB
5. บอกเลยว่าบรรยากาศในห้องประชุม Steve Jobs Theater นั้นเงียบกริ๊บ! เมื่อ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus เผยโฉมให้เห็นกล้องถ่ายรูปในภาพลักษณ์เดิมเหมือนถอดมาจาก iPhone 7 และ 7 Plus แถมยังมาพร้อมกับหน้าจอ Retina HD 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว (ขนาดเดียวกับรุ่นก่อน) ดีไซน์แบบกระจกและอะลูมิเนียม กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลที่ Apple การันตีว่าดีกว่าเดิม พร้อมเซ็นเซอร์ที่ใหญ่และไวขึ้นรวมกับฟิลเตอร์สีแบบใหม่ ลำโพงให้คุณภาพดีขึ้นเสียงดังขึ้น 25% แถมด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 แบบนี้จะร้อง Oops! หรือร้องอ้าว! ดีล่ะ
6. ส่วนฟีเจอร์แกะกล่องที่น่าสนใจ ซึ่งมาพร้อมกับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ได้แก่ iOS11 ระบบปฏิบัติการใหม่ , Portrait Lighting เอาใจคนชอบถ่ายและปรับภาพแบบจบภายในแอปเดียว , รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ซึ่งใช้ได้กับอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของ Qi รวมถึงแผ่นรองชาร์จไร้สายแบบใหม่จาก Belkin และ Mophie , ชิป A11 Bionic CPU แบบ 6 คอร์ , รองรับแอปแบบ AR และเกมส์ 3D เป็นต้น
ส่วนกำหนดการเปิดจองและเริ่มขายนั้นเหมือนกับ Apple Watch เป๊ะ แต่ราคาไม่เท่ากันนะ! โดย iPhone 8 ทำราคาอยู่ที่ 699 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ บาท 24,000 บาท) ส่วน iPhone 8 Plus ราคา 799 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 27,000 บาท)
7. อย่าเพิ่งเกรี้ยวกราด! เพราะหลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆ ออกอาการหงอยกับ iPhone 2 รุ่นใหม่ไปแล้ว Apple ก็ส่งทิมกลับขึ้นมาอีกครั้ง…เพื่อเผยโฉม iPhone X (ออกเสียงว่า ไอโฟน-เท็น นะจ๊ะ) ตามคาด! แม้จะมีแค่ 2 สี คือ สีเงินและสีเทาสเปซเกรย์ กันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 ก็เถอะ
หน้าจอ iPhone X เป็น Super Retina แบบแผง OLED ขนาด 5.85 นิ้ว ที่มีขนาดบางลง ให้ความสว่างและความละเอียดมากขึ้น กล้องหน้าแบบ TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว สามารถถ่ายภาพแบบ Portrait (หน้าชัดหลังเบลอ) ได้แล้ว ส่วนกล้องหลังเลนส์คู่แนวตั้ง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมแฟลช True Tone แบบ LED 4 ดวง แบตเตอรี่ให้พลังมากกว่า iPhone 7 ตั้ง 2 ชั่วโมง น๊านนาน!!! ส่วนชิปก็เป็นแบบใหม่ A11 Bionic เหมือน iPhone 8 นั่นแหละ
ส่วนเรื่องความจุก็เหมือน iPhone 8 อีก เพราะมีให้เลือกแค่ 64GB และ 256GB เท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่ 999 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 34,000 บาทเท่านั้นเอง!!! โดย iPhone X จะเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. และจะวางขายวันที่ 3 พ.ย.ปีนี้ ในหลายสิบประเทศทั่วโลก และแน่นอนว่า…ประเทศไทยยังไม่ได้รับสิทธิ์นั้น!
8. ฟีเจอร์ที่เป็นข่าวลือก่อนเปิดตัว iPhone X อย่าง Face ID สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกเครื่อง , กล้องหลังเลนส์คู่แนวตั้ง , Animoji อีโมจิรูปแบบ 3D ไว้ใช้กับแอป iMessage , หน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว หรือแม้แต่ราคาเริ่มต้นที่ 34,000 บาท ก็มาตามที่ลือแบบยกชุด!!! ถือว่าทีมปล่อยข่าวลือข่าวหลุดรอบนี้ทำงานดี มีข้อมูลที่เป็นความจริงปะปนออกมาให้ได้ฮือฮาก่อนวันงานหลายเรื่องทีเดียว
9. สำหรับ Event นี้ เราถือว่าไม่เสียเที่ยวเพราะมีหลายเทคโนโลยีที่ Apple ยกมาเปิดตัวเป็นครั้งแรก ทั้ง AirPower ระบบชาร์จไร้สายที่แฟน Apple เฝ้ารอ ทั้งยังทำมาดีกว่าที่หวังเพราะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้พร้อมกัน 3 อุปกรณ์ ทั้ง iPhone Watch และ AirPods , iPhone X กับหน้าจอไร้กรอบ , Apple Watch Series 3 ที่เพิ่มความสามารถให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องกระเตง iPhone ติดไปอยู่กับตัว ฯลฯ
10. อ่ะ สรุปแบบกระชับฉับไว (เผื่อใครขี้เกียจอ่าน! และเลื่อนมาหาสรุปที่ข้อสุดท้าย) งานนี้ Apple เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 5 ประเภท ได้แก่ Watch Series 3 และ Watch Series 3 with Cellular , Apple TV 4K , iPhone 8 และ iPhone 8 Plus , iPhone X , AirPower เท่านี้แหละจ้า
ที่มา :marketingoops